วิดีโอคอนเทนต์จะสำคัญอย่างไรในปี 2016

คอนเทนต์ที่ดีคือการนำเอาสื่อประเภทต่างเข้ามาผสมผสาน อย่างลงตัว และสื่อสารออกมาได้อย่างตรงประเด็น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบทความ รูปภาพ อินโฟกราฟฟิก วิดีโอ หรือสื่อ interactive ที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้ชม เช่น คำถาม หรือแบบสอบถามเก๋ๆ สิ่งเหล่านี้สร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมในแนวทางที่แตกต่างกันออกไป แต่อย่างไรก็ตามยังมีนักตลาดหลายคน ที่โฟกัอยู่กับการเขียนคอนเทนต์เท่านั้น และไม่ชื่นชอบความซับซ้อนของคอนเทนต์อย่าง วิดีโอ

คอนเทนต์รูปแบบวิดีโอ อาจจะใช้เวลาในการสร้างสรรค์งานมากกว่า ใช้ความพยายามและความเชี่ยวชาญในการสร้างมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการเขียนบทความ แต่กระนั้น วิดีโอ เป็นคอนเทนต์ที่ง่ายต่อการบริโภคมากกว่าบทความทั่วไป และมันจะมีความสำคัญอย่างมากในปี 2016 ทั้งนี้เพราะ

1.เพิ่มดีมานด์ของผู้ชม

วัตถุประสงค์ของคอนเทนต์ คือการเพิ่มดีมานด์ของผู้บริโภค ทั้งนี้ การตลาดคอนเทนต์เพิ่งประสมความสำเร็จเมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น เพราะผู้ชมเริ่มกระหายข้อมูลและความบันเทิงมากขึ้น ช่วง 2-3 ปีก่อนเราจะพบว่าผู้ชมสนใจคอนเทนวิดีโอมากขึ้นและเชื่อว่าในปี 2016 นี้ดีมานด์คอนเทนต์วิดีโอจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนมีการคาดการณ์ว่า ในปี 2017 วิดีโอจะครอบครอง 69% ของทราฟฟิกทั้งหมดเลยทีเดียว เพราะเหตุผล 3 ประการ

ประการแรก การขยายตัวและความเร็วของอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยให้คอนเทนต์วิดีโอพัฒนาขึ้นจากสมัยก่อน และยิ่งไปกว่านั้นการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตทำได้แพร่หลายมากขึ้น หมายความว่าผู้คนจะค้นหาวิดีโอ เพื่อตอบคำถามที่ตัวเองสงสัยมากขึ้นนั่นเอง

ประการที่สอง คือช่องทางเผยแพร่มากขึ้น แม้ว่า youtube จะมีจำนวนยูสเซอร์เป็นล้านคน แต่กระนั้นไม่ได้มีแค่ youtube เท่านั่นที่เป็นแพลทฟอร์มสำหรับวิดีโอ Vine ก็เริ่มได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน แม้ว่ามันจะเริ่มต้นมาไม่นาน ขณะเดียวกันยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียหลายตัว ต่างหันมาให้ความสำคัญวิดีโอมากขึ้น เช่น เฟสบุ๊กและทวิตเตอร์ ได้รวมตัวกันและนำเสนอคอนเทนต์วิดีโอบนหน้าฟีดและสามารถเล่นได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเชื่อได้ว่าในปีหน้าจะมีฟีเจอร์เกี่ยวกับวิดีโอมากขึ้นในแพลทฟอร์มเหล่านี้ และมันจะเป็นตัวส่งเสริมผู้บริโภคได้โพสและแชร์วิดีโอกันอย่างแพร่หลาย

ประการสุดท้ายคือ ความง่ายดายในการสร้างวิดีโอคอนเทนต์ ปัจจุบันเครื่องมือในการสร้างและแชร์คอนเทนต์วิดีโอได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างง่ายๆ มือถือทุกวันนี้สามารถถ่ายคลิปวิดีโอกันได้ทุกคน และสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเพื่อแชร์วิดีโอส่วนตัวได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน แพลทฟอร์มใหม่ๆ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้สามารถอัพโหลดวิดีโอได้อย่างง่าย

2.เป็นไปได้หรือไม่ ที่เราจะทำแคมเปญการตลาดโดยไม่ใช้วิดีโอ ในปี 2016

คำตอบสั้นๆ คือ ได้ แต่กระนั้นการอ่านหรือรับชมจะอยู่แค่ในวงจำกัด ซึ่งถ้าแบรนด์สินค้าของคุณอยู่ในตลาดนีชและมีการแข่งขันไม่มาก ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชมชื่นชอบเสพคอนเทนต์ประเภทอื่น นอกจากวิดีโอ ก็ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องปรับปรับกลยุทธ์มากมายในปีหน้า แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณมีคู่แข่งจำนวนมาก หรือต้องการเข้าถึงผู้ชมในระดับกว้าง วิดีโอคอนเทนต์จะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญในแคมเปญการตลาดของคุณ

หากคุณเขียนบทความ อาจจะทำให้นักอ่านติดตามผลงานและแชร์คอนเทนต์คุณได้ แต่วิดีโอจะทำให้คอนเทนต์ได้รับความนิยม คำถามคือจะเริ่มต้นอย่างไร หลายคนคงคิดว่า การทำวิดีโอเป็นเรื่องยากและซับซ้อน เพราะไม่รู้จักเครื่องมือทำ และเชื่อว่าการสร้างคอนเทนต์วิดีโอเป็นเรื่องของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ปัจจุบัน การสร้างสรรค์วิดีโอเป็นสิ่งที่ง่ายขึ้น เพียงแค่คุณมีสมาร์ทโฟน และเวลาเพียงเล็กน้อย คุณก็สามรถสร้างผลงานคุณภาพได้ไม่ยาก ซึ่งรูปแบบของวิดีโอ จะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับคุณจะวางแผนทำอย่างไร อาจจะทำเป็นวิดีโอการสอน รีวิว การสัมภาษณ์ หรือแนะนำเรื่องต่างๆ มาเริ่มต้นทำวิดีโอเพื่อปี 2016 กันเถอะ

เกาะติดเทรนการตลาดออนไลน์ปี 2016

เหลืออีกเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น ปี 2015 ก็จะผ่านพ้นไปอีกปีหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักการตลาดจะออกมาคาดการณ์เทรนด์ในปีหน้า การทำการตลาดออนไลน์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกับนับวันอินเตอร์เน็ต ก็มีวิธีการแชร์ข้อมูลข่าวสารได้หลากหลายมากขึ้น ในฐานะของนักการตลาดที่ดีคุณต้องพร้อมเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ผจญกับเครื่องมือใหม่ๆ แพลตฟอร์มใหม่ๆ แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ยากลำบากเสมอ แต่มันก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณเกาะติดกระแสของเทรนด์ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง แล้วสิ่งใดบ้างที่คุณต้องเตรียมพร้อมในปี 2016 เรามาดูกันดีกว่า

Social Media เพิ่มความสำคัญมากขึ้น

แน่นอนว่า Social Media ต้องเป็นส่วนหนึ่งในการทำการตลาดออนไลน์ 2016 ปัจจุบันมีผู้ชมเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลอย่างมาก และถ้าแบรนด์สินค้าของคุณไม่ได้ใช้ประโยชน์จาก Social Media มากที่ควร คุณพลาดสิ่งที่สำคัญอย่างมากทีเดียว Social Media เต็มไปด้วยผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของแบรนด์ และมันยังช่วยดึงทราฟฟิกเข้าเว็บไซต์อีกด้วย ขณะเดียวกันก็สร้างการรับรู้แบรนด์สินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มือถือคือทุกสิ่ง

ลองมองรอบๆ ตัวเรา ไม่ว่าจะอยู่บนรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือ BTS หรือแม้กระทั่งบนรถเมล์ คุณจะเห็นผู้คนรอบๆ ต่างใช้งานสมาร์ทโฟนเข้าถึงโลกออนไลน์เกือบทุกคน ด้วยราคาสมาร์ทโฟนที่ถูกลง คุณภาพที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ปัจจุบันกลายเป็น device ที่คนใช้งานแซงหน้าคอมพิวเตอร์ desktop ไปแล้ว ดังนั้น การทำการตลาดออนไลน์ปี 2016 ต้องคิดถึงยูสเซอร์ที่ใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งหมายความว่าเว็บไซต์แบรนด์สินค้าต่างๆ จะต้องรองรับการใช้งานผ่านมือถือ รวมทั้งการกำหนดเป้าหมายของแคมเปญการตลาด ต้องหยิบเอากลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ไปพิจารณาอย่างถี่ถ้วนด้วยเช่นกัน

คอนเทนต์จะสำคัญยิ่งขึ้น

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราจะพบว่าคอนเทนต์อยู่ในลิสของเทรนด์การตลาดออนไลน์ในทุกปี และปี 2016 ก็เช่นกัน คอนเทนต์ที่มีความเป็นธรรมชาติ ไม่บิดเบือน และตรงประเด็น จะเป็นสิ่งที่สร้างทราฟฟิก Organic ได้มากกว่าเดิมยิ่งขึ้น การบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ผ่านคอนเทนต์ บนเว็บไซต์ เว็บบล็อก และโซเชียลมีเดียยังคงเป็นสิ่งสำคัญในปีหน้า

คอนเทนต์วิดีโอ

ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถชมคอนเทนต์ผ่านวิดีโอได้แทบทุกที่ และนั่นเป็นช่องทางที่สร้างการ engagement สื่อสารไปยังผู้คนนับล้านได้ในเวลาอันรวดเร็ว ขณะเดียวกันช่องทางของวิดีโอ มีพื้นที่ให้เผยแพร่มากกมาย ทั้ง Facebook, Periscope, Snapchat และ YouTube ซึ่งจะได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าเดิม ผู้ชมชื่นชอบดูวิดีโอผ่านแพลทฟอร์มเหล่านี้ มากกว่าดูทีวีอย่างเช่นสมัยก่อน ดังนั้นในปี 2016 นักการตลาดควรจัดอันดับคอนเทนต์วิดีโอไว้อยู่ในระดับต้นของแผนการตลาดคุณ

การก้าวเข้าสู่ปีใหม่ นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ สู่การตลาดออนไลน์ ถ้าคุณวางแผนกลยุทธ์เสียแต่ตอนนี้ ว่าควรจะต้องทำอะไรบ้าง และลงมือเตรียมตัวให้พร้อม เชื่อว่าคุณจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและพร้อมโลดแล่นไปในปี 2016 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เคล็ดลับเกาะติดเทรนด์การตลาดคอนเทนต์ในปี 2016

“ส่งมอบวัตถุดิบที่ใช่ ให้กับคนที่ใช้ ในเวลาที่เหมาะสมและถูกช่องทาง” นี่คือหลักการทำการตลาดคอนเทนต์ในปี 2016 ซึ่งสิ่งที่สำคัญ คือ นักการตลาดจะต้องยกระดับคอนเทนต์ ให้ตรงตามความต้องการของผู้ชมมากที่สุด ตอบคำถามของพวกเขา หรือช่วยส่งเสริมให้พวกเขาไปยังจุดหมายที่ต้องการได้ ซึ่งบทความนี้จะแนะนำ 3 เทรนด์และทิปที่ช่วยให้คุณสามารถตามติดเทรนด์การตลาดคอนเทนต์ในปีหน้าได้ไม่ยาก มีอะไรบ้างเราไปดูกัน

1.Blogs

ปัจจุบันเราจะพบว่าของกราฟฟิกและวิดีโอมีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจับเอาข้อดีของประเภทสื่อเหล่านี้มาใช้สามารถทำให้สิ่งที่คุณต้องการสื่อสารโดดเด่น น่าสนใจ และเป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้อ่านได้ นอกจากนี้พยายามทำ Blog ให้รองรับและเป็นมิตรกับการเข้าถึงผ่านสมาร์ทโฟนมากที่สุด ส่วนเรื่องเนื้อหาของ Blog อาจจะเป็นเรื่องเบาสมองบ้าง คอนเทนต์ที่สนุกสนาน และมีความบันเทิง อย่างเรื่องราวสนุกๆ การประกวด หรือสูตรทำอาหาร หรือคำถาม ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ผู้ชมมีส่วนรวม อยากเขียน อยากตอบ

2.Video

วิดีโอเป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมและสามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้มากกว่าประเภทอื่นๆ ขณะเดียวกันวิดีโอยังให้ผลตอบแทน ROI ที่ดีกว่าคอนเทนต์ตัวอื่นๆ ด้วย โดยมีการคาดการว่าปีหน้า กว่า 3 ใน 4 ของทราฟฟิกที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะมากจากคอนเทนต์รูปแบบวิดีโอ ขณะเดียวกันการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีสื่อสาร ทั้งความเร็วอินเตอร์เน็ต สมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพขึ้น ช่วยขจัดอุปสรรคและเพิ่มโอกาสการเข้าถึงคอนเทนต์วิดีโอได้ง่ายขึ้น ซึ่งการสร้างสรรค์วิดีโอในปีหน้า ควรลองประยุกต์สร้างวิดีโอ 360 องศาผ่านยูทูป หรือใช้งาน Live-broadcast สำหรับอีเวนต์ต่างๆ

3.Social Media

การสร้างวิดีโอ เป็นหนึ่งในเทรนด์ที่โดดเด่นของการตลาดโซเชียล เพราะวิดีโอสามารถสร้างการ engagement ได้มากกว่ารูปภาพเฉลี่ย 62% และอัตราการแชร์เพิ่มขึ้นกว่า 43% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งแค่บน Facebook ก็มีการดูวิดีโอกว่า 8 ล้านวิวต่อวัน จากยูสเซอร์ที่มีจำนวนกว่า 500 ล้านคน ซึ่งจากการที่ Facebook ได้ทุ่มทุนซื้อแว่นสวมศีรษะ Oculus ทำให้เชื่อได้ว่าปี 2016 จะเทคโนโลยีทางด้านวิดีโอเกิดขึ้นมากมาย ขณะที่ทางด้าน Pinterest ได้ประกาศรูปแบบการค้นหาข้อมูล Visual search เพื่อให้คนที่ต้องการค้นหาอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร สามารถค้นหาได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเครื่องมือนี้จะค้นหาภาพที่ใกล้เคียงกัน และแสดงออกมาให้ยูสเซอร์ได้เห็นทันที

นอกจากนี้ การใช้งานกราฟฟิกหรือทำอินโฟกราฟฟิกเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะกว่า 95% ของนักการตลาดระบุว่ากราฟฟิกมีประสิทธิภาพมากกว่าคอนเทนต์ข้อความทั่วไป แต่อย่างไรก็ตามการออกแบบกราฟฟิกในปี 2016 ควรคำนึงถึงหลัก 3 ประการคือ ใช้งานได้ เข้าถึงได้ โหลดเร็ว พยายามทำให้เรียบง่าย และต้องแน่ใจว่าดีไซน์เหมาะสม ทั้งขนาด ฟอร์แมต และ device ของผู้ชม